องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
1. หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
การทำงานของคอมพิวเตอร์เริ่มจากการป้อนข้อมูลผ่านทางหน่วยรับเข้า ซึ่งข้อมูลที่ป้อนเข้าไปนี้จะถูกแปลงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าในรูปแบบของตัวเลขใน ระบบตัวเลขฐานสองเป็นคำสั่งในการติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์หรือสั่งให้ คอมพิวเตอร์ทำงานได้ตามต้องการ จากนั้นคำสั่งจะถูกส่งไปยังหน่วยประมวลผลกลางเพื่อประมวลผลตามคำสั่ง ในระหว่างการประมวลผลหากมีคำสั่งให้นำผลลัพธ์จากการประมวลผลไปจัดเก็บใน หน่วยความจำหลักประเภทแรม ผลลัพธ์ดังกล่าวจะถูกส่งไปยังหน่วยความจำหลักประเภทแรม พร้อมทั้งค่าที่อ้างอิงถึงตำแหน่งในการจัดเก็บในขณะเดียวกันอาจมีคำสั่งให้ นำผลลัพธ์จากการประมวลผลไปแสดงยังหน่วยส่งออกได้ด้วยโดยการส่งผลลัพธ์ที่ได้ จากการประมวลผลข้อมูลไปยังหน่วยต่างๆภายในคอมพิวเตอร์จะผ่านทางระบบบัส
การทำงานของคอมพิวเตอร์เริ่มจากการป้อนข้อมูลผ่านทางหน่วยรับเข้า ซึ่งข้อมูลที่ป้อนเข้าไปนี้จะถูกแปลงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าในรูปแบบของตัวเลขใน ระบบตัวเลขฐานสองเป็นคำสั่งในการติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์หรือสั่งให้ คอมพิวเตอร์ทำงานได้ตามต้องการ จากนั้นคำสั่งจะถูกส่งไปยังหน่วยประมวลผลกลางเพื่อประมวลผลตามคำสั่ง ในระหว่างการประมวลผลหากมีคำสั่งให้นำผลลัพธ์จากการประมวลผลไปจัดเก็บใน หน่วยความจำหลักประเภทแรม ผลลัพธ์ดังกล่าวจะถูกส่งไปยังหน่วยความจำหลักประเภทแรม พร้อมทั้งค่าที่อ้างอิงถึงตำแหน่งในการจัดเก็บในขณะเดียวกันอาจมีคำสั่งให้ นำผลลัพธ์จากการประมวลผลไปแสดงยังหน่วยส่งออกได้ด้วยโดยการส่งผลลัพธ์ที่ได้ จากการประมวลผลข้อมูลไปยังหน่วยต่างๆภายในคอมพิวเตอร์จะผ่านทางระบบบัส
2. องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ -หน่วยรับข้อมูล เป็นส่วนที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจากภายนอกเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นสิ่ง ที่เชื่อมโยจากผู้ใช้คอมพิวเตอร์สู่เครื่องคอมพิวเตอร์ ยกตัวอย่าง เช่น เม้าส์ แป้นพิมพ์ เป็นต้น
-หน่วยประมวลผลกลาง
เป็นส่วยที่ทำหน้าที่ควบคุมและประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย 2ส่วนคือ
เป็นส่วยที่ทำหน้าที่ควบคุมและประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย 2ส่วนคือ
1.ส่วนควบคุม เป็นส่วนที่สร้างสัญญาณและส่งสัญญาณไปควบคุมการทำงานของส่วนประกอบต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์
2.ส่วนที่คำนวณและเปรียบเทียบข้อมูล ทำหน้าที่คำนวณและเปรียบเทียบข้อมูลโดยอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์ และตรรกศาสตร์
-หน่วยความจำหลัก
เป็นหัวใจของการทำงานในรูปแบบอัตโนมัติ มีหน้าที่เก็บข้อมูลต่างๆ แบ่งออกเป็น 2ประเภทคือ
เป็นหัวใจของการทำงานในรูปแบบอัตโนมัติ มีหน้าที่เก็บข้อมูลต่างๆ แบ่งออกเป็น 2ประเภทคือ
1.หน่วยความจำแบบถาวร
2.หน่วยความจำชั่วคราว
2.หน่วยความจำชั่วคราว
-หน่วยความจำสำรอง
คุณลักษณะของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง
คุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ แบ่งออกได้ 5ประเภทได้แก่
1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด มีราคาแพงมาก มีขนาดใหญ่
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะการทำงานสูงแต่ไม่เน้นความเร็วในการคำนวณเป็น หลัก แต่มีความเร็วสูง นิยมใช้ในองค์กรใหญ่ๆ
3. มินิคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานในองค์กร ขนาดกลาง
4. ไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะประสิทธิภาพสูง ราคาไม่แพงจึงเหมาะสำหรับใช้ส่วนตัวที่บ้าน โรงเรียน เป็นต้น
5. คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เป็นคอมพิวเตอร์ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลประจำวันได้ เล่นเกม ฟังเพลงได้ เป็นต้น เช่น ไอโฟน บีบี เป็นต้น
อุปกรณ์ต่อพ่วง
1. เครื่องพิมพ์ชนิดต่าง ๆ (Printer)
เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์ ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปของอักขระหรือรูปภาพ ที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษนับเป็นอุปกรณ์แสดลงผลที่นิยมใช้เครื่องพิมพ์แบ่ง ออกเป็น 4 ประเภท
เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์ ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปของอักขระหรือรูปภาพ ที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษนับเป็นอุปกรณ์แสดลงผลที่นิยมใช้เครื่องพิมพ์แบ่ง ออกเป็น 4 ประเภท
1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
4. พล็อตเตอร์ (plotter)
2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
4. พล็อตเตอร์ (plotter)
2. เครื่องสแกนภาพ (Scanner)
สแกนเนอร์ คืออุปกรณ์ซึ่งจับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจากรูปแบบของอนาล็อกเป็นดิจิตอลซึ่ง คอมพิวเตอร์สามารถแสดงเรียบเรียงเก็บรักษาและผลิตออกมาได้ภาพนั่นอาจจะเป็น รูปถ่าย ข้อความ ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติสามารถใช้สแกนเนอร์ทำงานต่างๆ ได้ดังนี้
สแกนเนอร์ คืออุปกรณ์ซึ่งจับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจากรูปแบบของอนาล็อกเป็นดิจิตอลซึ่ง คอมพิวเตอร์สามารถแสดงเรียบเรียงเก็บรักษาและผลิตออกมาได้ภาพนั่นอาจจะเป็น รูปถ่าย ข้อความ ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติสามารถใช้สแกนเนอร์ทำงานต่างๆ ได้ดังนี้
·
- ในงานเกี่ยว กับงานศิลปะหรือภาพถ่ายในเอกสาร
- บันทึกข้อมูล ลงในเวิร์ดโปรเซสเซอร์
- แฟ็กเอกสาร ภายใต้ดาต้าเบส และ เวิร์ดโปรเซสเซอร์
- เพิ่มเติมภาพ และจินตนาการต่าง ๆ ลงในในผลิตภัณฑ์สื่อโฆษณาต่าง ๆ โดยพื้นฐานการทำงานของสแกนเนอร์
ชนิดของสแกนเนอร์และความสามารถในการทำงานของสแกนเนอร์แบ่งออกได้เป็น
1. Flatbed scanners ซึ่งใช้สแกนภาพถ่ายหรือภาพพิมพ์ต่าง ๆ สแกนเนอร์ชนิดนี้มีพื้นผิวแก้วบนโลหะที่เป็นตัวสแกน เช่น ScanMader III
2. Transparency and slide scanners ScanMaker ซึ่งถูกใช้สแกนโลหะโปร่ง เช่นฟิล์มและสไลด์
สิ่งที่จำเป็น สำหรับการสแกนภาพ มีดังนี้
·
- SCSI และสาย SCSI หรือ Parallel Port สำหรับต่อจากสแกนเนอร์ ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์
- ซอฟต์แวร์ สำหรับการสแกนภาพซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของสแกนเนอร์ให้สแกนภาพตามที่ กำหนด
- สแกนเอกสาร เก็บไว้เป็นไฟล์ที่นำมาแก้ไขได้อาจต้องมีซอฟแวร์ที่สนับ สนุนด้าน OCR
- จอภาพที่ เหมาะสมสำหรับการแสดงภาพที่สแกนมาจากสแกนเนอร์
- เครื่องมือ สำหรับแสดงพิมพ์ภาพที่สแกน เช่น เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ หรือสไลด์โปรเจคเตอร์
3. โมเด็ม (Modem)
เป็นอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้คุณสัมผัสกับโลกภายนอกได้ อย่างง่ายดายโมเด็มเป็นเสมือนโทรศัพท์สำหรับคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยให้ระบบ คอมพิวเตอร์ของเราสามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆได้ทั่วโลกโมเด็มจะ สามารถทำงานของเราสามารสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆได้ทั่วโลกโมเด็มจะสามารถ ทำงานของคุณให้สำเร็จได้ก็ด้วย การเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณเข้าคู่สายของโทรศัพท์ธรรมดาคู่หนึ่ง ซึ่งโมเด็มจะทำการแปลงสัญญาณ ดิจิตอล (digital signals) จากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณ อนาลอก (analog signals) เพื่อให้สามารถส่งไปบนคู่สายโทรศัพท์
ความ สามารถของโมเด็ม เราสามารถใช้โมเด็มทำอะไรต่างๆได้หลายอย่าง เช่น
·
- ใช้บริการ ต่างๆ จากที่บ้าน เช่นสั่งซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ต
- ท่องไปบน อินเตอร์เน็ต
- เข้าถึง บริการออนไลน์ได้
- ดาวน์โหลด ข้อมูล , รูปภาพและโปรแกรมแชร์แวร์ได้
- ส่ง – รับโทรสาร
- ตอบรับ โทรศัพท์